วันจันทร์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2556

เรื่อง E- Commerce

เรื่อง  E- Commerce

 

1.  E- Commerce คืออะไร
            E-Commerce หรือ พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การดำเนินธุรกิจโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจที่องค์กรได้วางไว้ เช่น การซื้อขายสินค้าและบริการ การโฆษณาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ โทรทัศน์ วิทยุ หรือแม้แต่อินเทอร์เน็ต เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร โดยการลดบทบาทองค์ประกอบทางธุรกิจลง เช่น ทำเลที่ตั้ง อาคารประกอบการ โกดังเก็บสินค้า ห้องแสดงสินค้า รวมถึงพนักงานขาย พนักงานแนะนำสินค้า พนักงานต้อนรับลูกค้า เป็นต้น จึงลดข้อจำกัดของระยะทาง และเวลาลงได้ 

2.  E- Commerce ประยุกต์ใช้กับธุรกิจใดได้บ้าง
                  E-Commerce ใช้ติดต่อกับลูกค้าได้หลายระดับ ธุรกิจกับลูกค้า ธุรกิจกับธุรกิจ ธุรกิจกับภาครัฐ ฯ สาระของการติดต่อจะมี 4-5 ประการ คือ
  • การขาย รวมการโฆษณา แสดงสินค้า เสนอราคา สั่งซื้อ คำนวณราคา
  • การชำระเงิน การตกลงวิธีชำระเงิน สั่งโอนเงิน ให้ข้อมูลบัญชีธนาคารที่ใช้ตัดบัญชี ตลอดจนเงินดิจิทัลรูปแบบใหม่ ๆ
  • การขนส่ง แจ้งวิธีการส่งมอบของ ค่าขนส่ง และสถานที่ติดต่อและระบบติดตามสินค้าที่ส่ง
  • บริการหลังการขาย การติดต่อภายในบริษัท เช่นระบบบัญชี คลังสินค้า ระบบสั่งซื้อสินค้าและวัตถุดิบ สั่งผลิต ตลอดจนบริการลูกค้าหลังการขาย
กระบวนการค้าของ E-Commerce
                1. การโฆษณาเผยแพร่ 
โดยการให้ลูกค้ารู้จักสินค้าของธุรกิจ ให้ข้อมูลที่เกี่ยวกับคุณสมบัติหรือข้อมูลทางเทคนิคของสินค้าหรือบริการ ว่ามีจุดดีจุดเด่นกว่าของธุรกิจอื่น ๆ อย่างไร ซึ่งอาจทำผ่านทางเว็บไซต์ที่มีข้อมูลสินค้า และอาจมีการให้สอบถามปัญหาทางอีเมล์
                2. การรับคำสั่งซื้อ
โดยการกรอกข้อมูลลงเว็บไซต์ของผู้ขาย หรือส่งอีเมล์มาเพื่อระบุการสั่งซื้อ พร้อมทั้งการชำระเงิน ซึ่งทั่วไปมักทำโดยผ่านบัตรเครดิต หรือระบบการชำระเงินอื่น ๆ 
                3. การส่งมอบ
ซึ่งถ้าสินค้า หรือบริการนั้น ๆ มีลักษณะเป็นของที่ต้องส่ง เมื่อรับชำระแล้วก็ต้องส่งของให้ลูกค้าโดยผ่านทางไปรษณีย์ หรือผู้จัดส่งสินค้า ซึ่งเป็นของที่จับต้องได้ หรือส่งสินค้าให้ทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ข้อมูล เพลง วิดีโอ ที่สามารถบีบอัดให้มีปริมาณน้อยจนส่งผ่านอินเทอร์เน็ทได้
                4. ขั้นตอนหลังการขาย
หลังการขายและเก็บเงินแล้ว การบวนการของ E-Commerce จะต้องให้บริการหลังการขาย เช่น ให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือข้อแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้สินค้านั้น ๆ การรับประกันหรือสถานที่ที่จะ

3.  นำแอปพิเคชั่นมาประยุกต์ใช้ได้อย่างไร ยกตัวอย่าง
เช่น Business Insider รายงานว่าแอปเปิ้ลอยู่ในระหว่างการเจรจาเกี่ยวกับการก่อตั้งเว็บไซต์ e-commerce ด้านเครือข่ายทางสังคมออนไลน์ร่วมกับ The Fancy


The Fancy คู่แข่งของ Pinterest ซึ่งลักษณะการใช้งานของ Pinterest นั้นก็จะเหมือนกับ Pinboard หรือกระดานปักหมุดสิ่งที่น่าสนใจ จากนั้นก็นำสิ่งที่ปักใน Pinterest แชร์เข้าสู่เครือข่ายสังคมออนไลน์ทั้งทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ก พร้อมมีระบบคอมเมนต์สำหรับรับฟังความคิดเห็นอื่นๆ Joe Einhorn ซีอีโอ The Fancyตามรายงาน ผู้ใช้งาน The Fancy สามารถค้นหาสิ่งต่าง ๆ ผ่าน The Fancy ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์, เสื้อผ้า, สถานที่ และอื่น ๆ โดยผู้ใช้งานของเครือข่าย The Fancy สามารถที่จะซื้อสินค้าหรือบริการผ่าน “The Fancy” หรือผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวได้ด้วยระบบ e-commerce ซึ่งสินค้าบางอย่างอาจจะมาในรูปแบบการลดราคาอีกด้วย
รายละเอียดบริษัท The Fancy
The Fancy เป็นร้านค้า, บล็อก, นิตยสาร และรวมสิ่งที่อยากได้ เป็นสถานที่ที่จะค้นพบสิ่งที่ยอดเยี่ยม คอลเลกชันที่คุณรัก แบรนด์ที่คุณชื่นชอบ และร้านค้าต่าง ๆ สามารถแบ่งปันการค้นพบของคุณได้ ใช้ The Fancy เพื่อสร้างแคตตาล็อกสิ่งที่คุณชื่นชอบได้ทั่วโลก เมื่อคุณพบสิ่งที่คุณรักสักแห่งหนึ่งในเว็บ นั่นคือ The Fancy
               
4.  ประโยชน์ของ E- Commerce ต่อบุคคล ต่อธุรกิจ ต่อส่วนรวม
ประโยชน์ของ E-commerce แบ่งเป็น 4 ด้านดังนี้
                                - ต่อบุคคล
                                - ต่อองค์กรธุรกิจ
                                - ต่อสังคม
                                - ต่อระบบเศรษฐกิจ

ต่อบุคคล
มีสินค้าและบริการราคาถูกจำหน่ายทำให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น สามารถทำธุรกรรมได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทราบข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการได้ในเวลาที่รวดเร็ว ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกสินค้าตรงตามความต้องการมากที่สุด สนับสนุนการประมูลเสมือนจริงทำให้ลูกค้าสามารถติดต่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับลูกค้ารายอื่นทำให้เกิดการเชื่อมโยงการดำเนินงานภายในโซ่มูลค่า (Value Chain Integration)

ต่อองค์กรธุรกิจ                              
 ขยายตลาดในระดับประเทศและระดับโลกทำลูกค้าได้จำนวนมากทั่วโลกด้วยต้นทุนที่ต่ำ
ลดปริมาณเอกสารเกี่ยวกับการสร้าง การประมวล การกระจายการเก็บและการดึงข้อมูลได้ถึง
ร้อยละ 90 ลดต้นทุนการสื่อสารโทรคมนาคม เพราะ Internet ราคาถูกกว่าโทรศัพท์ ช่วยให้บริษัทขนาดเล็กสามารถแข่งขันกับบริษัทขนาดใหญ่ได้

ต่อสังคม
ทำให้คนสามารถทำงานที่บ้านได้ทำให้มีการเดินทางน้อยลงทำให้การจราจรไม่ติดขัด ลดปัญหามลพิษทางอากาศ ทำให้มีการซื้อขายสินค้าราคาถูกลง คนที่มีฐานะไม่รวยก็สามารถยกระดับมาตรฐานการขายสินค้าและบริการได้

ต่อระบบเศรษฐกิจ
กิจการ SMEs ในประเทศกำลังพัฒนาอาจได้ประโยชน์จากการเข้าถึงตลาดที่กว้างขวางใน
ระดับโลกทำให้กิจการในประเทศกำลังพัฒนาสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ บทบาทของพ่อค้าคนกลางลดลงทำให้ต้นทุนการซื้อขายลดลง ทำให้อุปสรรคการเข้าสู่ตลาดลดลงด้วย ทำให้ประชาชนในชนบทได้หาสินค้าหรือบริการได้เช่นเดียวกันในเมือง เพิ่มความเข้มข้นของการแข่งขัน ทำให้เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น