เรื่อง E- Commerce
1. E- Commerce คืออะไร
E-Commerce หรือ
พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ คือ การดำเนินธุรกิจโดยใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจที่องค์กรได้วางไว้ เช่น การซื้อขายสินค้าและบริการ
การโฆษณาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ โทรทัศน์ วิทยุ
หรือแม้แต่อินเทอร์เน็ต เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร
โดยการลดบทบาทองค์ประกอบทางธุรกิจลง เช่น ทำเลที่ตั้ง อาคารประกอบการ
โกดังเก็บสินค้า ห้องแสดงสินค้า รวมถึงพนักงานขาย พนักงานแนะนำสินค้า
พนักงานต้อนรับลูกค้า เป็นต้น จึงลดข้อจำกัดของระยะทาง และเวลาลงได้
2. E- Commerce
ประยุกต์ใช้กับธุรกิจใดได้บ้าง
E-Commerce ใช้ติดต่อกับลูกค้าได้หลายระดับ ธุรกิจกับลูกค้า
ธุรกิจกับธุรกิจ ธุรกิจกับภาครัฐ ฯ สาระของการติดต่อจะมี 4-5 ประการ คือ
- การขาย รวมการโฆษณา
แสดงสินค้า เสนอราคา สั่งซื้อ คำนวณราคา
- การชำระเงิน การตกลงวิธีชำระเงิน
สั่งโอนเงิน ให้ข้อมูลบัญชีธนาคารที่ใช้ตัดบัญชี ตลอดจนเงินดิจิทัลรูปแบบใหม่
ๆ
- การขนส่ง แจ้งวิธีการส่งมอบของ
ค่าขนส่ง และสถานที่ติดต่อและระบบติดตามสินค้าที่ส่ง
- บริการหลังการขาย การติดต่อภายในบริษัท
เช่นระบบบัญชี คลังสินค้า ระบบสั่งซื้อสินค้าและวัตถุดิบ สั่งผลิต
ตลอดจนบริการลูกค้าหลังการขาย
กระบวนการค้าของ E-Commerce
1. การโฆษณาเผยแพร่
โดยการให้ลูกค้ารู้จักสินค้าของธุรกิจ ให้ข้อมูลที่เกี่ยวกับคุณสมบัติหรือข้อมูลทางเทคนิคของสินค้าหรือบริการ ว่ามีจุดดีจุดเด่นกว่าของธุรกิจอื่น ๆ อย่างไร ซึ่งอาจทำผ่านทางเว็บไซต์ที่มีข้อมูลสินค้า และอาจมีการให้สอบถามปัญหาทางอีเมล์
2. การรับคำสั่งซื้อ
โดยการกรอกข้อมูลลงเว็บไซต์ของผู้ขาย หรือส่งอีเมล์มาเพื่อระบุการสั่งซื้อ พร้อมทั้งการชำระเงิน ซึ่งทั่วไปมักทำโดยผ่านบัตรเครดิต หรือระบบการชำระเงินอื่น ๆ
3. การส่งมอบ
ซึ่งถ้าสินค้า หรือบริการนั้น ๆ มีลักษณะเป็นของที่ต้องส่ง เมื่อรับชำระแล้วก็ต้องส่งของให้ลูกค้าโดยผ่านทางไปรษณีย์ หรือผู้จัดส่งสินค้า ซึ่งเป็นของที่จับต้องได้ หรือส่งสินค้าให้ทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ข้อมูล เพลง วิดีโอ ที่สามารถบีบอัดให้มีปริมาณน้อยจนส่งผ่านอินเทอร์เน็ทได้
4. ขั้นตอนหลังการขาย
หลังการขายและเก็บเงินแล้ว การบวนการของ E-Commerce จะต้องให้บริการหลังการขาย เช่น ให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือข้อแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้สินค้านั้น ๆ การรับประกันหรือสถานที่ที่จะ
1. การโฆษณาเผยแพร่
โดยการให้ลูกค้ารู้จักสินค้าของธุรกิจ ให้ข้อมูลที่เกี่ยวกับคุณสมบัติหรือข้อมูลทางเทคนิคของสินค้าหรือบริการ ว่ามีจุดดีจุดเด่นกว่าของธุรกิจอื่น ๆ อย่างไร ซึ่งอาจทำผ่านทางเว็บไซต์ที่มีข้อมูลสินค้า และอาจมีการให้สอบถามปัญหาทางอีเมล์
2. การรับคำสั่งซื้อ
โดยการกรอกข้อมูลลงเว็บไซต์ของผู้ขาย หรือส่งอีเมล์มาเพื่อระบุการสั่งซื้อ พร้อมทั้งการชำระเงิน ซึ่งทั่วไปมักทำโดยผ่านบัตรเครดิต หรือระบบการชำระเงินอื่น ๆ
3. การส่งมอบ
ซึ่งถ้าสินค้า หรือบริการนั้น ๆ มีลักษณะเป็นของที่ต้องส่ง เมื่อรับชำระแล้วก็ต้องส่งของให้ลูกค้าโดยผ่านทางไปรษณีย์ หรือผู้จัดส่งสินค้า ซึ่งเป็นของที่จับต้องได้ หรือส่งสินค้าให้ทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น ข้อมูล เพลง วิดีโอ ที่สามารถบีบอัดให้มีปริมาณน้อยจนส่งผ่านอินเทอร์เน็ทได้
4. ขั้นตอนหลังการขาย
หลังการขายและเก็บเงินแล้ว การบวนการของ E-Commerce จะต้องให้บริการหลังการขาย เช่น ให้ข้อมูลเพิ่มเติมหรือข้อแนะนำเกี่ยวกับวิธีใช้สินค้านั้น ๆ การรับประกันหรือสถานที่ที่จะ
3.
นำแอปพิเคชั่นมาประยุกต์ใช้ได้อย่างไร ยกตัวอย่าง
เช่น Business Insider รายงานว่าแอปเปิ้ลอยู่ในระหว่างการเจรจาเกี่ยวกับการก่อตั้งเว็บไซต์
e-commerce ด้านเครือข่ายทางสังคมออนไลน์ร่วมกับ The
Fancy
The
Fancy คู่แข่งของ Pinterest ซึ่งลักษณะการใช้งานของ
Pinterest นั้นก็จะเหมือนกับ Pinboard หรือกระดานปักหมุดสิ่งที่น่าสนใจ
จากนั้นก็นำสิ่งที่ปักใน Pinterest แชร์เข้าสู่เครือข่ายสังคมออนไลน์ทั้งทวิตเตอร์
และเฟซบุ๊ก พร้อมมีระบบคอมเมนต์สำหรับรับฟังความคิดเห็นอื่นๆ Joe
Einhorn ซีอีโอ The Fancyตามรายงาน
ผู้ใช้งาน The
Fancy สามารถค้นหาสิ่งต่าง ๆ ผ่าน The Fancy ไม่ว่าจะเป็น
ผลิตภัณฑ์, เสื้อผ้า, สถานที่ และอื่น
ๆ โดยผู้ใช้งานของเครือข่าย The Fancy สามารถที่จะซื้อสินค้าหรือบริการผ่าน
“The Fancy” หรือผ่านเว็บไซต์ดังกล่าวได้ด้วยระบบ e-commerce
ซึ่งสินค้าบางอย่างอาจจะมาในรูปแบบการลดราคาอีกด้วย
รายละเอียดบริษัท
The
Fancy
The Fancy เป็นร้านค้า, บล็อก, นิตยสาร และรวมสิ่งที่อยากได้
เป็นสถานที่ที่จะค้นพบสิ่งที่ยอดเยี่ยม คอลเลกชันที่คุณรัก แบรนด์ที่คุณชื่นชอบ
และร้านค้าต่าง ๆ สามารถแบ่งปันการค้นพบของคุณได้ ใช้ The Fancy เพื่อสร้างแคตตาล็อกสิ่งที่คุณชื่นชอบได้ทั่วโลก เมื่อคุณพบสิ่งที่คุณรักสักแห่งหนึ่งในเว็บ
นั่นคือ The Fancy
4. ประโยชน์ของ E- Commerce ต่อบุคคล ต่อธุรกิจ ต่อส่วนรวม
ประโยชน์ของ E-commerce แบ่งเป็น
4 ด้านดังนี้
- ต่อบุคคล
- ต่อองค์กรธุรกิจ
- ต่อสังคม
- ต่อระบบเศรษฐกิจ
มีสินค้าและบริการราคาถูกจำหน่ายทำให้ลูกค้ามีทางเลือกมากขึ้น
สามารถทำธุรกรรมได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทราบข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการได้ในเวลาที่รวดเร็ว
ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกสินค้าตรงตามความต้องการมากที่สุด สนับสนุนการประมูลเสมือนจริงทำให้ลูกค้าสามารถติดต่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับลูกค้ารายอื่นทำให้เกิดการเชื่อมโยงการดำเนินงานภายในโซ่มูลค่า
(Value Chain
Integration)
ลดปริมาณเอกสารเกี่ยวกับการสร้าง
การประมวล การกระจายการเก็บและการดึงข้อมูลได้ถึง
ร้อยละ
90 ลดต้นทุนการสื่อสารโทรคมนาคม เพราะ Internet ราคาถูกกว่าโทรศัพท์ ช่วยให้บริษัทขนาดเล็กสามารถแข่งขันกับบริษัทขนาดใหญ่ได้
ต่อสังคม
ทำให้คนสามารถทำงานที่บ้านได้ทำให้มีการเดินทางน้อยลงทำให้การจราจรไม่ติดขัด
ลดปัญหามลพิษทางอากาศ ทำให้มีการซื้อขายสินค้าราคาถูกลง คนที่มีฐานะไม่รวยก็สามารถยกระดับมาตรฐานการขายสินค้าและบริการได้
ต่อระบบเศรษฐกิจ
กิจการ
SMEs ในประเทศกำลังพัฒนาอาจได้ประโยชน์จากการเข้าถึงตลาดที่กว้างขวางใน
ระดับโลกทำให้กิจการในประเทศกำลังพัฒนาสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่
ๆ บทบาทของพ่อค้าคนกลางลดลงทำให้ต้นทุนการซื้อขายลดลง ทำให้อุปสรรคการเข้าสู่ตลาดลดลงด้วย
ทำให้ประชาชนในชนบทได้หาสินค้าหรือบริการได้เช่นเดียวกันในเมือง เพิ่มความเข้มข้นของการแข่งขัน
ทำให้เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น